Health

คำแนะนำเบื้องต้น ในการเลือกซื้อ.. เครื่องฟอกอากาศ 

คำแนะนำเบื้องต้นในการเลือกซื้อ.. เครื่องฟอกอากาศ

โดย นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์ระบบหายใจโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

ในยุคที่ชีวิตคนเมืองต้องต่อสู้กับหมอกควันจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ออกไปข้างนอกก็ป้องกันด้วยการใส่หน้ากากพอช่วยได้บ้าง แต่ถ้าอยู่ในบ้านยังต้องใส่ไปอี๊กกกกก็คงจะไม่ไหว ขอได้หายใจเฮือกใหญ่แบบได้อากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดซะทีเถอะ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กตัวเล็กๆด้วยยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เลยเป็นที่มาของความคิดที่หวานอยากหาเครื่องฟอกซักเครื่องมาไว้ที่บ้าน พอดีกับได้เจอบทความนี้ คิดว่ามีประโยชน์กับหลายๆบ้านแน่นอน เลยขออนุญาตคุณหมอนำมาเผยแพร่ต่อ เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ “เครื่องฟอกอากาศ” ให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปค๊าาา

ส่วนจะใช้ไม่ใช้ ซื้อไม่ซื้อ ซื้อยี่ห้อไหน ตัดสินใจกันเองน๊า ส่วนทางเราบอกได้คำเดียวว่า ของขาดตลาดดดเว่ออออร์ 🤣😂 ใครเจอของดีๆ ราคาโดนๆ ก็แวะมาชี้เป้าบอกกันบ้าง

ขอให้ทุกคนโชคดีและผ่านพ้นภาวะวิกฤตฝุ่นนี้ไปได้โดยปลอดภัยเด้ออออ เพี้ยงๆๆ

1. ความสามารถในการแลกเปลี่ยนอากาศ 

เราต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่มีความสามารถในการแลกเปลี่ยนอากาศ Air change per hour (ACH) เหมาะสมโดยคำนวนจากปริมาตรห้อง ตามสูตร กว้าง×ยาว×สูง เป็นเมตร เช่น สมมติห้องขนาด 6×4×3 เมตร
ACH = 6×4×3 = 72 ลูกบาศก์เมตรต่อชม.
ปริมาณอากาศที่เครื่องนี้ทำได้ควรมีค่าอย่างน้อย 3-4 เท่าของ ACH นั่นคือ 216 ลบ.ม.
จากนั้นก็ไปเลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่มีความสามารถในการจ่ายอากาศออกมา ได้อย่างน้อยที่สุดตามที่คำนวน คือเปิดเบาสุดแล้ว ก็ยังได้ปริมาตรดังกล่าว (ซึ่งราคาจะค่อนข้างสูง เอาเป็นว่า ขอให้ได้ตามตัวเลขนั้นก็พอค่ะ)
** แต่ต้องระวังนิดนึง เพราะหน่วยเป็นต่อชั่วโมง เช่น 400 ลบ.ม./ชม. ถ้าห้องของคุณมีขนาดตามตัวอย่าง คุณอาจจะต้องเปิดทิ้งไว้อย่างน้อย 1/2 ชั่วโมง จึงจะได้อากาศที่บริสุทธิ์จริงเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปทันที… หลังจากนั้นก็วัดกันอีกที เพราะถ้าเปิดแรงสุด เพื่อให้ได้ปริมาณอากาศดังกล่าว คุณอาจจะต้องเจอเสียงเราราวๆประมาณ 40 ถึง 60 เดซิเบล รับรองว่านอนกันสนุกแน่

เครื่องฟอกอากาศที่ได้มาตรฐาน จะต้องมีการบอกปริมาณลมที่ทำได้ ว่าในแต่ละระดับ สามารถปล่อยอากาศออกมาได้ กี่ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง อย่าดูเพียงแค่ว่า เครื่องนี้เหมาะกับพื้นที่กี่ตารางเมตร

2. ไส้กรอง 

สำหรับในปัจจุบัน อย่างน้อยควรมี HEPA filter เพราะมี ประสิทธิภาพในกรอง 99.97% ที่อนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน
ส่วนฟังก์ชั่นดับกลิ่น มีปล่อยประจุไฟฟ้า มีนู่นมีนี่เพิ่มเติม ถือว่าเป็น Optionเสริม

3. เสียงรบกวน 

ลองเอาโทรศัพท์มือถือของเรา โหลดแอพพลิเคชั่นวัดระดับเสียง ไปวัดดูตอนเปิดที่ Sleep Mode ดู ว่าเสียงดังกี่เดซิเบล หรือง่ายๆ ถ้าเปิดแล้วเสียงมันรบกวนรำคาญใจ ก็ไปดูยี่ห้ออื่นที่มันเบากว่าเงียบกว่า… คิดถึงเวลาเอาไปใช้ห้องนอนดีๆค่า

4. ค่าไฟ 

เนื่องจากบางทีเราอาจต้องเปิดนาน 8-10 ชั่วโมง เช่นห้องนอน คำนวณเผื่อด้วยว่าค่าไฟจะต้องเสียอีกเท่าไหร่ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว มักไม่ค่อยเยอะขึ้นจากเดิมค่ะ

5. แนะนำให้ใช้ในห้องระบบปิด

สุดท้ายแล้ว เครื่องฟอกอากาศ เหมาะสำหรับใช้ในห้องระบบปิด ก็คือปิดหน้าต่างเปิดเครื่องปรับอากาศ พัดลม ซึ่งจะได้ผลในการกรองมากที่สุดค่ะ ปิด-เปิดประตูห้องบ่อยๆ หรือเปิดหน้าต่าง ผลในการกรองย่อมลดลง filter ก็จะเสียหายเร็วขึ้น

6. อย่าลืมดูแลฟิลเตอร์แอร์

นี่ส่วนสำคัญ เพราะถึงแม้จะซื้อเครื่องกรองอากาศดีเลิศประเสริฐศรีมณีเด้งแต่ไหน แต่ถ้าไม่เคยล้างแอร์ หรือฟิลเตอร์แอร์เลย ฝุ่นจับหนาเตอะ ที่ลงทุนไปก็จะไม่คุ้มเอานะคะ

การทำความสะอาดห้อง ถูพื้นประจำ เช็ดโต๊ะ ถูใต้เตียง เก็บของที่เก็บฝุ่นมากๆ เช่น หนังสือ พรมเก่าๆที่ขนพังๆ ออกจากห้อง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนปลอกหมอนและผ้าห่ม ก็เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำน๊าา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *