Happy Tips

8 ทักษะเตรียมพร้อมเพื่ออนาคต

พ่อแม่จะเป็นผู้ช่วยที่สำคัญในการสนับสนุนให้ลูกน้อยสามารถพัฒนาทักษะที่สำคัญต่างๆ เพื่อการเรียนรู้และปรับตัวพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ควบคู่กับโภชนาการที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ร่วมกับการดื่มนมที่มี DHA วันละ 2-3 แก้ว เพื่อให้มั่นใจว่า ลูกรักจะมีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในอนาคตอย่างมีความสุขค่ะ

1. สมาธิจดจ่อ (Sustain Focus) 

เด็กๆ ควรมีความสนใจจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
ไม่วอกแวก อดทนต่อสิ่งเร้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง
ในยุคปัจจุบันที่ TV มือถือ iPad เข้ามามีส่วนอย่างมากในชีวิต ประจำวัน จะหลีกเลี่ยงไม่ใช้เลยก็คงไม่ได้ แต่เราก็ต้องหากิจกรรมอื่นๆ ทดแทนให้เค้ารู้สึกสนุกมากกว่าการจ้องอยู่หน้าจอ เช่น พาไปขี่ม้า พีต้าชอบมากค่ะ แต่นอกจากสนุกและสมาร์ทแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยฝึกสมาธิได้ดีอีกหนึ่งกิจกรรมเลยค่า 

2. อดทนรอคอย (Self-Regulation) 

อดทน-อดกลั้น สองคำนี้คือ คำสำคัญที่ตอนนี้พีต้ากำลังเรียนรู้อยู่ทุกวัน ด้วยความที่ยุคนี้ทุกอย่างรวดเร็ว อยากได้อะไรต้องได้ทันที เป็นสิ่งสำคัญมากที่เราต้องฝึกให้ลูกรู้ว่าทุกอย่างไม่จำเป็นต้องเดี๋ยวนั้น แต่ต้องรู้จัก
การอดทนและการรอคอย เริ่มง่ายๆจากการฝึกให้นั่งคาร์ซีทเลยค่ะ ปลอดภัย และจำเป็น ลูกจะลงจากคาร์ซีทได้เมื่อถึงที่หมายแล้วเท่านั้น

3. รู้จักแก้ปัญหา (Problem Solving) 

เด็กยุคนี้ต้องสามารถปรับวิธีคิดไปตามเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ค่ะ โดยใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมา มาปรับใช้ และคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่กำลังเจออยู่ให้ได้ สำหรับข้อนี้ก็คงต้องฝึกไปเรื่อยๆ ค่ะ โดยเปิดโอกาสให้เค้าได้ลองคิด ลองแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แบบที่เราไม่ต้องชี้นำ บางทีจะรู้เลยว่าเค้าทำได้ดีกว่าที่เราคิดไว้ซะอีก อย่างในภาพ ตอนที่เพตั้นทำลูกบอลเข้าไปติดใต้โซฟา หวานก็ให้พีต้ามาช่วยน้อง เค้าก็คิดวิธีจัดการไปเอาร่มมาช่วยเขี่ยแล้วหยิบออกมาให้น้องเองเสร็จสรรพ นอกจากแม่ไม่เหนื่อย เฮียยังภูมิใจที่ได้ช่วยน้อง ส่วนน้องก็ได้ดูเป็นตัวอย่างด้วยค่ะ

4. จดจำนำมาใช้ (Good Memory) 

เวลาเราสอนให้เด็กๆ ทำอะไร เราจะไม่แค่ใช้คำพูดบอก แต่เราจะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เพราะการทำแบบนี้จะทำให้เด็กๆ สามารถจดจำถึงสิ่งที่เราสอนได้ดีกว่า อย่างเวลาที่หวานซักผ้าของเค้าก็จะเรียกเค้ามานั่งดูพร้อมสอนไปด้วย จนวันนึงเค้าก็จำได้ว่าหลังจากซักด้วยผงซักฟอกเสร็จต้องล้างน้ำอีกสองครั้ง เค้าก็เสนอตัวกับหวานเลยค่ะว่าเดี๋ยวพีต้าล้างน้ำต่อให้เอง แล้วยังจำได้อีกนะคะว่าล้างเสร็จต้องบิดแล้วไปตาก หวานนี่ชื่นใจมากเลยค่ะที่เค้าจำสิ่งที่เราสอนได้ แล้วนำมาใช้ได้จริงๆ

5. สื่อสารเข้าใจ (Good Communication) 

เด็กๆ ต้องสามารถบอกเล่าเรื่องราว ใช้ภาษาสื่อสารความต้องการและความคิดของตัวเองให้คนอื่นเข้าใจได้ จึงจะถือว่ามีทักษะการสื่อสาร
ที่ดี ซึ่งการส่งเสริมทักษะนี้หวานคิดว่า เราต้องคอยสนับสนุนให้เค้ากล้า
ที่จะพูด และคิดหาคำตอบด้วยตัวเอง โดยเค้าต้องฟังให้เข้าใจก่อน เช่น เมื่อเค้าถามหรือพูดอะไรกับเรา เราก็ตั้งคำถามให้เค้าฟังให้เข้าใจและคิดต่อ เพื่อจะได้สื่อสารกลับมาหาเราจากกระบวนการคิดของตัวเอง เช่น ในรูปพีต้ากำลังทำแป้งโดว์ไปพร้อมๆ กับสอนน้องค่ะ เมื่อน้องไม่เข้าใจ ถามมา พีต้าก็ทำความเข้าใจกับคำถาม และค่อยๆ สอนน้องให้เข้าใจ จนทั้งคู่ทำแป้งโดว์ออกมาได้สำเร็จค่ะ

6. ริเริ่มสร้างสรรค์ (Initiative) 

การมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เกิดจากการได้ใช้ความคิดอย่างอิสระ ได้ลงมือทำ กล้าทดลอง ลองผิดลองถูก ไม่กลัวความล้มเหลว ไม่ติดกับกรอบเดิมๆ การเลือกของเล่นให้ลูกในวัยนี้ก็มีความสำคัญต่อการช่วยพัฒนาทักษะด้านนี้นะคะ โดยส่วนตัวจะพยายามเลือกของเล่น
ที่ไม่ปิดกั้นจินตนาการ อย่างบล็อกตัวต่อพวกนี้ ลูกสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง ต่อเป็นสิ่งของ เป็นสัตว์ และใช้จินตนาการเป็นเรื่องราวเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานนอกจากนี้ การกระตุ้นให้เด็กๆ ได้คิดต่อยอด อย่างการทำของเล่นเองจากของที่มีอยู่ ก็เป็นการฝึกให้เด็กๆ ได้คิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดต่อยอดเป็นสิ่งใหม่ๆ ในอนาคต

7. เข้าสังคมได้ (Social Skills) 

เด็กๆ ที่บ้านจะชอบมากเวลาได้ไปเล่นบ้านญาติ หรือบ้านเพื่อนในหมู่บ้าน การเล่นกันกับเด็กคนอื่นในวัยใกล้เคียงกันเป็นการฝึกการเข้าสังคมที่ดีมากๆ หรือฝึกให้เล่นกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมก็ช่วยได้เยอะเลยค่ะ โดยเราจะคอยสังเกตอยู่ห่างๆ ปล่อยให้เด็กๆ เค้าเล่นกันเองตามธรรมชาติ

8. มีคุณธรรม (Integrity) 

ทักษะนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก เพราะสมัยนี้วิชาการเรียนทันกันหมดได้ไม่ยาก แต่ความมั่นคงภายในจิตใจเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยลูกสร้างขึ้น ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน โตขึ้นไปจะเป็นอะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือให้เค้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเป็นคนดีของสังคม โดยที่บ้านจะพยายามสอดแทรกเรื่องคุณธรรมให้กับเด็กๆ ผ่านชีวิตประจำวันเสมอ อย่างเวลาอ่านนิทานก็จะคอยสอนเค้าไปด้วย เชื่อว่าถ้าเราทำอย่างต่อเนื่องเด็กๆ จะสามารถซึมซับและนำไปปฏิบัติตามอย่างแน่นอนค่ะ

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *